รู้จักความฉลาดทางอารมณ์ 4 ส่วน Emotional Intelligence’ Quadrants | Emotional Intelligence (EQ/EI) EP.2
จิตวิทยาสู่ความสำเร็จอย่างสุขสมดุล: ความฉลาดทางอารมณ์ ถือเป็นหนึ่งในทักษะบริหารสุดยอดทีมแห่งความสุข ที่ทุกองค์กรควรให้ความสำคัญ การพัฒนาผู้นำในองค์กรที่ความเข้าถึงใจตนเอง-ผู้อื่น และพัฒนาความสัมพันธ์กับผู้คนอย่างสุขสมดุลนั้น ฟังดูพื้น ๆ แต่งานวิจัยบอกว่ามีน้อยคนที่มี EQ ระดับสูง
Emotional Intelligence (EI) หรือ ความฉลาดทางอารมณ์ คือความสามารถของมนุษย์ในการรับรู้ เข้าใจ ใช้ประโยชน์ และจัดการอารมณ์ของตนในทางบวก ผู้นำที่มี EI / EQ สูงจะมีความเครียดน้อยลง สื่อสารได้ดีขึ้น มีความเห็นอกเห็นใจมากขึ้น และเอาชนะความท้าทายได้ง่ายขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขารู้แน่ชัดว่าสภาพจิตใจของตนเองมีอิทธิพลต่อปฏิกิริยาทางอารมณ์ของคนรอบข้างอย่างไร สำหรับในบทความนี้จะกล่าวถึงหนึ่งในองค์ประกอบพื้นฐานของการมีความฉลาดทางอารมณ์ ซึ่งก็คือ การตระหนักรู้อารมณ์ หรือ มี emotional awareness
Daniel Goleman นักจิตวิทยาที่เรียกได้ว่าเป็นบิดาแห่งความฉลาดทางอารมณ์ ได้พัฒนาทฤษฎี และ Daniel Goleman’s model ตั้งแต่ปีค.ศ. 1998 จนกระทั่งปีค.ศ. 2002 ได้จำแนก Emotional Intelligence (EI) หรือ ความฉลาดทางอารมณ์ เป็น 4 องค์ประกอบ ได้แก่
โดยหลักแล้ว “ความฉลาดทางอารมณ์” มี 2 เรื่อง คือ Emotional Awareness and Management ความตระหนักรู้และการจัดการอารมณ์ แต่ต้องมีทั้ง 2 ด้าน คือ ด้านตนเอง และผู้อื่น
สำหรับในบทความนี้เราจะพูดถึง Emotional Awareness ในกรอบสีเขียวก่อน ซึ่งประกอบด้วย 2 ด้าน คือ การรับรู้ภายในตนเอง และผู้อื่น (สังคม) ซึ่งหากอธิบายตามทฤษฎีของ Piaget 1937 แล้ว เขาได้แบ่งระดับความตระหนักรู้อารมณ์เป็น 5 ระดับ ดังภาพ
ระดับที่ 1: ความรู้สึกทางร่างกาย/การทำงานของอวัยวะภายใน (Somatic sensations / visceromotor activity)
ประสบการณ์ทางอารมณ์ในระดับนี้ประกอบด้วยความรู้สึกทางร่างกาย บุคคลอธิบายถึงความรู้สึกทางร่างกายหรือไม่สามารถบรรยายประสบการณ์ของตนได้
ระดับที่ 2: แนวโน้มการกระทำ/กิจกรรมทางกาย (Action tendencies/somatomotor activity)
ประสบการณ์ทางอารมณ์ในระดับนี้ประกอบด้วยการกระทำหรือแนวโน้มการกระทำ (การเข้าใกล้หรือการหลีกเลี่ยง พฤติกรรมทำร้ายตัวเอง ฯลฯ) และมีคำอธิบายในทำนองเดียวกัน แนวโน้มการกระทำเหล่านี้มีความสัมพันธ์กัน (รู้สึกดีหรือไม่ดี) ซึ่งไม่มีความแตกต่าง
ระดับที่ 3: ความรู้สึกส่วนบุคคล (Individual feelings)
ในระดับนี้บุคคลจะมีประสบการณ์ด้านอารมณ์เป็นสภาวะความรู้สึกทางอารมณ์ที่แยกจากกันและเฉพาะเจาะจง คำอธิบายอารมณ์เป็นแบบมิติเดียวและมักเป็นแบบเหมารวม (“ฉันรู้สึกโกรธ”)
ระดับที่ 4: การผสมผสานของความรู้สึก (Blends of feeling)
ระดับนี้มีลักษณะเป็นความสามารถในการมีความรู้สึกที่ตรงกันข้ามหรือแตกต่างอย่างชัดเจน เช่น รู้สึกเศร้าแต่ยังมีความหวัง
ระดับที่ 5: การผสมผสานของความรู้สึกที่ผสมผสาน (Blends of blends of feeling)
ในระดับนี้บุคคลมีความสามารถที่จะชื่นชมความซับซ้อนในประสบการณ์ของตนเองและผู้อื่นไปพร้อมๆ กัน บุคคลในระดับนี้ยังสามารถชื่นชมความรู้สึกของอีกฝ่ายที่มีหลายมิติและแตกต่างกันนิดหน่อย โดยการจินตนาการว่าตนเองอยู่ในสถานการณ์ของอีกฝ่าย โดยไม่ลำเอียงจากสภาวะทางอารมณ์ของตนเอง การเปรียบเทียบความรู้สึกที่บุคคลหนึ่งอาจรู้สึกในสถานการณ์หนึ่งกับอีกสถานการณ์หนึ่งเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการทำงานระดับ 5
ซึ่งสาเหตุที่เราพึงจะต้องเข้าใจเพื่อพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ (EI/EQ) เพื่อนำไปสู่พัฒนาตนเองและพัฒนาผู้อื่นก็คือ พื้นฐานของการที่จะเป็นผู้นำที่ดีที่มีระดับความฉลาดทางอารมณ์สูง คือ การที่เราจะต้องพัฒนาที่ความตระหนักรู้อารมณ์และความคิดตนเองให้ได้เสียก่อน โดยเริ่มจากพื้นฐานแรกรับรู้ความรู้สึกที่ร่างกายและรู้การกระทำของตนเอง หรือหลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า “การฝึกสติ” นี่ คือการฝึกฝนแบบเดียวกัน ซึ่งมีเทคนิคให้เลือกฝึกได้หลายรูปแบบ และเมื่อเรามีพื้นฐานนี้แล้วการนำไปสู่การรับรู้อารมณ์ตนเอง เช่น รู้ว่าตอนนี้ฉันโกรธ รู้ว่าฉันอิจฉา และรู้ว่าฉันชอบ/ไม่ชอบ/รัก/เกลียด เป็นต้น รู้แบบไม่ตัดสินว่าถูกผิดไปเรื่อย ๆ เราจะรับรู้หรือตระหนักรู้ได้ฉับไวมากขึ้น และเมื่อรู้ไวขึ้น เราก็จะฝึกจัดการอารมณ์และการกระทำได้มากขึ้นตามลำดับ สำหรับการรับรู้อารมณ์ผู้อื่น หรือสังคม
Emotional Awareness การตระหนักรู้หรือรับรู้อารมณ์ 2 ด้าน (ตนเองและผู้อื่น/สังคม)
1. Self-Awareness การรู้อารมณ์ตนเอง:
ตามที่จอห์น เมเยอร์ (นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยนิวแฮมป์เชียร์และเป็นหนึ่งในคนแรกๆ ที่ศึกษาความฉลาดทางอารมณ์) การตระหนักรู้ในตนเองคือการ “ตระหนักถึงอารมณ์และความคิดของเราเกี่ยวกับอารมณ์” Goleman (2002) อธิบายไว้อีกว่าคือความสามารถในการอ่านและเข้าใจอารมณ์ของคุณ รวมถึงรับรู้ถึงผลกระทบที่มีต่อผู้อื่น พูดง่ายๆ ได้ว่าการตระหนักรู้ในตนเองเป็นความเข้าใจพื้นฐานว่าเรารู้สึกอย่างไรและเหตุใดเราจึงรู้สึกเช่นนั้น ยิ่งเราตระหนักรู้ถึงความรู้สึกของเรามากเท่าไรก็ยิ่งจัดการและกำหนดวิธีที่เราจะตอบสนองต่อผู้อื่นได้ง่ายขึ้นเท่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยให้เรามีความสามารถในการควบคุมตนเองมากขึ้น สามารถที่จะเข้าใจสถานการณ์ที่มีความซับซ้อนในขณะที่ก็สุขใจในการสร้างความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง และยังช่วยให้มีสุขภาพกาย-ใจที่ดีอีกด้วย แต่การที่จะพัฒนาทักษะนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย โดยตามทฤษฎีแล้วการรับรู้อารมณ์มีลำดับขั้นดังนี้:
- รับรู้ถึงอารมณ์ Sense the emotion (feeling)
- รับทราบความรู้สึก Acknowledge the feeling
- ระบุข้อเท็จจริงเพิ่มเติม Identify more facts
- ยอมรับความรู้สึก Accept the feeling
- ใคร่ครวญว่าทำไมอารมณ์เราเป็นเช่นนั้น Reflect on why the emotion is showing up in that moment สังเกตว่ามีความรู้สึกอื่นใดเกิดขึ้นหรือเกิดขึ้นก่อนหน้านั้น ถามตัวเองว่าจุดประสงค์ของมันคืออะไร มันคือการสื่อสาร สาธิต หรือพยายามจะสอนคุณอะไร
- ลงมือปฏิบัติ Act – ดึงความคิดและความรู้สึกออกมาและดำเนินการอย่างเหมาะสม หากจำเป็น
- ไตร่ตรองถึงประโยชน์ของคำตอบและบทเรียนที่คุณต้องการนำไปใช้ Reflect on the usefulness of the response and what lesson you would like to take away
(ที่มา: The Emotionally Intelligent Team by Marcia Hughes and James Bradford Terrell, 2007, pg. 76-77 )
ผู้ที่มีความตระหนักรู้อารมณ์มักจะ (Goleman, 1995, 2018):
- รู้ว่าจะจำกัดสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด โดยวางแผนตั้งแต่เนิ่นๆ และเตรียมทรัพยากรที่จำเป็นก่อนที่ปัญหาจะเกิดขึ้น
- มีความเข้าใจเกี่ยวกับเป้าหมายและค่านิยมของตนเป็นอย่างดี และมีความชัดเจนว่าพวกเขากำลังมุ่งหน้าไปที่ใดและเพราะเหตุใด พวกเขาเปลี่ยนงานก็ต่อเมื่อตระหนักว่าอาชีพของตนไม่สอดคล้องกับค่านิยมของตนอีกต่อไป
- สามารถตรวจสอบความรู้สึกและสถานะของพวกเขาได้อย่างเปิดเผยเมื่อพวกเขาไม่สามารถตัดสินใจในที่ทำงานได้ พวกเขาสามารถประเมินตนเองอย่างตรงไปตรงมาและบอกผู้อื่นได้เมื่อความคิดเห็นของพวกเขาเปลี่ยนไป
2. Social Awareness การรับรู้อารมณ์ผู้อื่น หรือภาษาทางการจะเรียกว่า การตระหนักรู้ทางสังคมและวัฒนธรรม:
ความตระหนักรู้ทางสังคมคือความสามารถในการสังเกตอารมณ์ของผู้อื่นได้อย่างแม่นยำและ “อ่าน” สถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม เป็นเรื่องเกี่ยวกับการรับรู้ว่าคนอื่นคิดและรู้สึกอย่างไรเพื่อให้สามารถมองมุมมองของพวกเขาโดยใช้ความสามารถของคุณในการเห็นอกเห็นใจ (Empathy)
การรับรู้อารมณ์ผู้อื่นช่วยให้เราเข้าใจผู้อื่น รับรู้ความรู้สึกของพวกเขา และดำเนินการในความสัมพันธ์ของเรากับพวกเขาได้อย่างประสบความสำเร็จ ตัวอย่างของการตระหนักรู้ทางสังคมและอารมณ์ในทางปฏิบัติ ได้แก่ (Goleman, 1995)
- ลดโอกาสที่จะเกิดความขัดแย้งและแก้ไขเมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้
- อ่านอารมณ์ การแสดงความเห็นอกเห็นใจ และสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่นได้ดี
- ระบุและแสดงความเข้าใจเกี่ยวกับความต้องการและแรงจูงใจของผู้อื่น
Goleman อธิบายว่าความสามารถของเราจริงๆ แล้วมาจากเซลล์ประสาทขยายที่เชื่อมต่อกับสมองส่วน “อะมิกดาลา หรือ Amygdala” (สมองส่วนที่เกี่ยวกับ “อารมณ์” เช่น กลัว โกรธ เศร้า เครียด ซึ่งระบบประสาทและสมองจะอ่านใบหน้า เสียง ฯลฯ ของผู้อื่นเพื่อดูอารมณ์และช่วยชี้แนะแนวทางที่เราควรพูดกับพวกเขา โดยสมองของเราจะบันทึกวิธีการที่อีกฝ่ายตอบสนอง ในขณะที่ระบบประสาทที่เชื่อมต่อกันและสมองส่วนอะมิกดาลาช่วยให้เรามีมนุษยสัมพันธ์ด้านอารมณ์กับบุคคลอื่น
ซึ่งหากพูดง่าย ๆ ความตระหนักรู้อารมณ์ผู้อื่น/สังคมคือ การที่เราสามารถสังเกตเห็นได้ว่า คนในห้องมีอารมณ์หงุดหงิดกับงานที่ทำอยู่ และตอบสนองพวกเขาในลักษณะที่สามารถป้องกันอารมณ์ด้านลบที่จะเกิดขึ้นหลังจากนั้นได้
เช่น สมองเราได้รับข้อมูลว่า “เธอโกรธกับคำพูดสุดท้ายนั้น…ตอนนี้เธอดูเหนื่อย…บางทีฉันอาจจะทำให้เธอเบื่อ…นี่น่าจะดีกว่า! …ฉันคิดว่าเธอชอบได้ยินแบบนั้น…” และ ข้อมูลเหล่านี้คือ สิ่งที่เราใช้ในการตัดสินใจว่าเราควรพูดอะไรต่อไป (adapted from Goleman, D., Boyatzis, R. & McKee, A)
หากสนใจพัฒนาพนักงานและผู้นำในองค์กร ขอคำแนะนำเพิ่มเติมจาก Mentall Wellness Team ของใจฟู หรือเข้าร่วมกิจกรรม “Emotional Management” ล่าสุดได้ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่: ลิงค์รายละเอียด
ขอคำแนะนำ และสอบถามเพิ่มเติม Tel: 064-939-7416 | e-mail: info@nexephealth.com, www.jaifully.com
🟦 📌 add LINE OA @jaifull เพื่อขอรับคำปรึกษาส่วนตัว หรือเยี่ยมชมระบบให้คำปรึกษา
ติดตามใจฟู
- Facebook (Jaifull): https://www.facebook.com/jaifully
- LinkedIn (NEXEP Health): https://www.linkedin.com/company/nexep-health-solutions/
- ขอคำแนะนำ และสอบถามเพิ่มเติม Tel: 064-939-7416 | e-mail: info@nexephealth.com, www.jaifully.com
บทความอื่น ๆ
- รู้จักความฉลาดทางอารมณ์ 4 ส่วน Emotional Intelligence’ Quadrants | Emotional Intelligence (EQ/EI) EP.2
- รู้จักความฉลาดทางอารมณ์ ด้านความสำคัญต่อการพัฒนาตนเองและองค์กรอย่างไร | Emotional Intelligence (EQ/EI) EP.1
- จิตวิทยาผู้นำ ทำทีมให้เป็นทีม ด้วยการสร้างพื้นที่ปลอดภัย Psychological Safety for Team Building
- พื้นที่ปลอดภัยทางจิตใจกับการพัฒนาองค์กร [Psychological Safety in the workplace & Organizational Development]
- เพิ่มความเข้มแข็งทางจิตใจให้กลุ่มพนักงานรุ่นใหม่ ด้วย Self-empathy
References:
- https://www.forbes.com/councils/forbeshumanresourcescouncil/2023/07/18/the-importance-of-emotional-intelligence-at-work/
- https://www.indeed.com/career-advice/career-development/emotional-intelligence-importance
- https://en.wikipedia.org/wiki/Emotional_intelligence
- https://www.eiconsortium.org/
- https://positivepsychology.com/emotional-awareness/
- https://www.envisionunlimited.org/sites/default/files/2020-04/Emotional%20Awareness.pdf
- https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC8395748/
- https://nobaproject.com/modules/emotional-intelligence
- Goleman, D. (1998). Working with emotional intelligence. New York: Bantam Books. Goleman, D., Boyatzis, R. & McKee, A. (2002). Primal Leadership: Realizing the Importance of Emotional Intelligence, Harvard Business School Press: Boston. Hughes, M. & Terrell, J.B. (2007). The Emotionally Intelligent Team. San Francisco: Jossey-Bass.